Menu

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพครบ 100 ปี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร 20 กันยายน 2568 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา...

เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคม 2568 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา...

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 นางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา พร้อมด้วยทีมประเทศไทย...

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 นางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา พร้อมด้วยทีมประเทศไทย ได้เข้าพบผู้บริหาร Clark Development Corporation (CDC) โดยมี...

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนาย Joel Anthony M. Viado ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฟิลิปปินส์ (ผบ.ตม.)...

เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยนางมาฆวดี...

Announcement: Temporary Closure of the Royal Thai Embassy on 23 July 2025...

Announcement

Thumbnail Announcement: Temporary Closure of the Royal Thai Embassy on 23 July 2025 (download announcement) The Royal Thai Embassy wishes to inform the public that the Embassy will be closed on Wednesday, 23 July 2025,...
More inPress Release  

ข้าวนับเป็นอาหารหลักที่สำคัญที่สุดสำหรับฟิลิปปินส์ โดยชาวฟิลิปปินส์จำนวนกว่า 90 ล้านคนบริโภคข้าว? ปีละประมาณ 13.2 ล้านตัน หรือวันละประมาณ 35,000 ตัน หลายท่านอาจไม่ทราบว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฟิลิปปินส์ไม่สามารถปลูกข้าวได้มากเพียงพอต่อความต้องการในการบริโภคภายในประเทศ โดยปัจจุบันฟิลิปปินส์มีกำลังผลิตข้าวได้เพียงประมาณ 10.2 ล้านตันต่อปี และกลายเป็นประเทศที่นำเข้าข้าวในปริมาณมากที่สุดในโลก แหล่งนำเข้าข้าวที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม ไทย ปากีสถานและอินเดีย ซึ่งในปี 2552 ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวจากต่างประเทศ 1.575 ล้านตัน (นำเข้าข้าวจากเวียดนาม 95 % และไทย 75,000 ตัน)

สำหรับปี 2553 หน่วยงานของฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่า ฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวจากต่างประเทศปริมาณ? 2.4 ? 3 ล้านตัน (1) เนื่องจากปรากฏการณ์ El Nino ได้ส่งผลทำให้เกิดภาวะแห้งแล้งอย่างหนักในฟิลิปปินส์นับตั้งแต่ต้นปี 2553 นอกจากนี้ ภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปี ไม่ว่าจะเป็นพายุไต้ฝุ่นและโคลนถล่ม คาดว่าจะสร้างความเสียหายทางการเกษตรประมาณ 8 พัน ? 2 หมื่นล้านเปโซ รวมทั้งทำให้ปริมาณการผลิตข้าวของฟิลิปปินส์เสียหายถึง 816,312 ตัน

ในเรื่องการบริโภค ฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวประเภทคุณภาพต่ำ 5%- 20% เป็นส่วนใหญ่ และให้ความสำคัญกับปริมาณและราคามากกว่าคุณภาพ แต่ในขณะเดียวกัน ข้าวคุณภาพดีก็เป็นที่ต้องการในกลุ่มตลาดระดับกลางและบน โดยคนกลุ่มนี้มักจะเลือกบริโภคสินค้าคุณภาพดี ซึ่งรวมทั้งข้าวหอมมะลิจากไทยซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก ตลาดข้าวฟิลิปปินส์จึงแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ตลาดข้าวคุณภาพต่ำที่แข่งขันกันด้วยราคา และตลาดข้าวคุณภาพสูงที่แข่งขันกันด้วยคุณภาพและชื่อเสียง ซึ่งในส่วนหลังนี้ ข้าวหอมมะลิไทยได้มีความได้เปรียบและโอกาสดี โดยจะเห็นได้ว่า แม้ในช่วงปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวไปตลาดฟิลิปปินส์ในปริมาณที่ต่ำกว่าข้าวจากเวียดนามอย่างมาก เนื่องจากข้าวไทยมีราคาเปรียบเทียบที่สูงกว่า แต่สถานการณ์สำหรับข้าวหอมมะลิ ในตลาดบนของฟิลิปปินส์นั้นข้าวหอมมะลิจากไทยเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว

จากการพูดคุยกับผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิไทยมาฟิลิปปินส์รายหนึ่ง กล่าวว่า ตลาดข้าวหอมมะลิในฟิลิปปินส์นับว่ามีศักยภาพ โดยเห็นได้จากการที่ปริมาณการนำเข้าของบริษัทของตนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาฟิลิปปินส์จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า? ตลาดข้าวหอมมะลิไทยในฟิลิปปินส์มีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี ผู้นำเข้าของไทยซึ่งมีความกังวลว่าอนาคตของข้าวหอมมะลิไทยในฟิลิปปินส์อาจไม่สดใสมากนัก เนื่องจากในระยะหลังพบว่ามีการวางขายข้าว หอมมะลิปลอมหรือผสมของปลอมในตลาดฟิลิปปินส์จำนวนมากขึ้น ซึ่งตนเห็นว่าจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทยในระยะยาว

จากการสำรวจและสอบถามผู้นำเข้าข้าวและผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในฟิลิปปินส์ คาดว่าการปลอมแปลงข้าวหอมมะลิไทยในฟิลิปปินส์เป็นการกระทำของผู้ต้องการแสวงหากำไรจากชื่อเสียงของข้าวหอมมะลิ โดยนำข้าวหอมมะลิปลอม/ข้าวหอมมะลิผสม มาบรรจุในบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ระบุว่าเป็นข้าวหอมมะลิ บางรายถึงขั้นระบุว่าเป็นสินค้าของประเทศไทย และมีการปลอมแปลงเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยของกรมการค้าต่างประเทศ และตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพอื่นๆ ด้วย สินค้าปลอมในลักษณะนี้พบเห็นได้ทั่วไปในตลาดฟิลิปปินส์ แม้กระทั่งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่เป็นแหล่งจับจ่ายสินค้าของชนชั้นกลางและคนรวย

ผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิไทยรายใหญ่ในฟิลิปปินส์รายหนึ่งเห็นว่า แม้ว่ากลุ่มผู้ซื้อข้าวหอมมะลิไทย ในฟิลิปปินส์จะเป็นผู้มีกำลังซื้อสูงและเน้นคุณภาพมากกว่าราคา แต่ข้าวหอมมะลิไทยของแท้ที่มีต้นทุนการนำเข้าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 70 เปโซต่อกิโลกรัม (2) อาจเสียเปรียบต่อข้าวหอมมะลิปลอมที่มีราคาถูกกว่าได้ ทั้งนี้ ไม่นับความเสียหายที่จะมีต่อภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และราคาของข้าวหอมมะลิจากไทยในระยะยาว

ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ทั้งผู้ส่งออกและนำเข้า ตลอดจนผู้บริโภค จะต้องให้ความสำคัญและร่วมมือกันการแก้ไขปัญหาข้าวหอมมะลิปลอมอย่างจริงจังทั้งในการป้องกันและปราบปราม โดยไม่เน้นแต่เพียงการมุ่งแสวงหาตลาดโดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อภาพลักษณ์ของสินค้า เพื่อให้ข้าวหอมมะลิไทยคงความเป็นที่ยอมรับในคุณภาพ และมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดฟิลิปปินส์และตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน มิเช่นนั้น การปลอมแปลงข้าวหอมมะลิอาจกลายปัญหาที่บ่อนทำลายภาพลักษณ์และตลาดข้าวหอมมะลิไทยในระยะยาว

************************************

(1) ผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของฟิลิปปินส์ ได้แก่ องค์การอาหารแห่งฟิลิปปินส์ (National Food Authority: NFA ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐบาล) มีหน้าที่ในการกำกับดุแลให้ปริมาณและราคาอาหาร รวมทั้งข้าว ในตลาดฟิลิปปินส์ เพียงพอและเหมาะสมต่อการบริโภคภายในประเทศ และในแต่ละปี NFA จะกำหนดปริมาณนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ? เพื่อใช้ในการเพิ่มปริมาณสำรองข้าวเพื่อใช้ในการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ NFA ยังอุดหนุนราคาข้าว 25 % เพื่อขายคนยากจนในราคา 18 เปโซ ต่อกิโลกรัม จากราคาตามท้องตลาด 30 ? 40 เปโซ ต่อกิโลกรัม

(2) ปัจจุบัน ภาษีนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์สำหรับการนำเข้าข้าวในโควตา (in-quota) อยู่ที่ 40 % และนอกโควตา (out-quota) 50 %

What's New

Thumbnail เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพครบ 100 ปี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร 20 กันยายน 2568 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา ได้จัดพิธีเฉลิมพระเกียรติ โดยนางมาฆวดี...
More inWhat's New